3/05/2556

Trip India 11-20 Feb 2013


Trip India

11-20 ก.พ. 2556

ทริบ จาริกแสวงบุญ ประเทศอินเดีย-เนปาล ไปกับคณะวัดเขาวัง โดยมีท่าน พระมหาศุภวัฒน์  สุภทโท  หัวหน้าคณะ สู่ดินแดนพุทธภูมิ บริษัทธรรมหรรษาทัวร์ แอนด์ แทรเวล จำกัด เป็นผู้นำไปยังสถานที่ในพุทธประวัติ ได้แก่ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรมเทศนา ปรินิพพาน ได้ทำบุญไหว้พระ สวดมนต์ ทอดผ้าป่า ซึมซับประวัติของพระพุทธองค์ ได้ชม ได้เห็นสถานที่จริงในครั้งพุทธกาล ทั้ง 4 ตำบล นอกจากนั้น ยังได้ชมความงามของ ทัชมาฮาล หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก พระราชวัง  อัคราฟอร์ด ตลอดจนได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอินเดียในชนบท รวมทั้งสิ้น 9 คืน 10 วัน ค่าใช้จ่าย คนละ 39,900 บาท  อุณภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-25 องศา รวมคณะที่เดินทางจำนวน 53 คน  ช่วงที่ไปเงินไทย 1,000 บาท แลกได้ 1,500 รูปี เวลาซื้อของสามารถใช้เงินไทยได้ แขกชอบเงินไทย เวลาที่อินเดียจะช้ากว่าเมืองไทย 1.30 ชั่วโมง

                เส้นทางการเดินทาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่ สนามบินอินทิราคานธี เมืองนิวเดลฮี ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย แล้วเดินทางลงทางใต้ โดยรถบัส 1 คัน รถตู้ 1 คัน ข้ามผ่านพรมแดนอินเดีย สู่เนปาล แล้วกลับเข้าสู่อินเดีย ลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ คณะพักโรงแรม 3 คืน อีก 6 คืน พักที่วัดไทยตามรายทางทั้งหมด ขากลับขึ้นเครื่องที่ สนามบินโกลกัตต้า
แผนที่เดินทางในอินเดีย
เดินทางจากทางซ้าย ไปทางขวา ลงมาทางตอนใต้
 


11 ก.พ. 56   (สนามบิน สุวรรณภูมิ – สนามบินอินทิราคานธี นิวเดลฮี)
                ขึ้นรถทัวร์จากวัดเขาวังราชบุรี ตี 3 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีรถของบริษัททัวร์จัดส่ง  9.00 น. ใช้บริการสายการบิน Jet Airway เที่ยวบิน 9w63  ถึงสนามบินอินทิราคานธี กรุงนิวเดลฮี ประมาณ 12.00 น. ใช้เวลาอยู่ที่สนามบิน เกือบสองชั่วโมงเนื่องจากศุลกากรอินเดียตรวจเข้ม โดยเฉพาะของกินที่นำไปเยอะ แขกทำท่ายึกยัก อยู่นาน ที่สุดก็ต้องจ่ายเงินให้ตามระเบียบถึงจะปล่อยออกมา
สนามบินอินทิราคานธี เสียเวลารออยู่สองชั่วโมง
 
ช่วงบ่ายแวะชมอินเดียเกต (สนามหลวงอินเดีย) มีจิตกาธานสถานที่เผาศพของ มหาตมะคานธี และอนุสรณ์สถาน สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นี่เป็นที่ผักผ่อนหย่อยใจของชาวอินเดีย   จากนั้น ผ่านไปยังวัดฮินดู แต่ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากเป็นวันหยุดพอดี
 
 จิตกาธานมหาตมะคานธี
 สนามหลวงอินเดีย



รถขายไอติม
ถั่วมัน ๆ จะนาย
วัดฮินดู ปิด เข้าไปชมข้างในไม่ได้

 

 

เดิมที มีกำหนดพักที่นิวเดลฮี แต่เปลี่ยนโปรแกรมเดินทางยาวลงทางใต้ไปที่เมือง อัครา (Agra) ประมาณ 200 กม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง เข้าพักที่โรงแรมชื่อ Ganga Ratan Hotel พักที่นี่ 2 คืน
 
12 ก.พ. 56  (ทัชมาฮาล - พระราชวังอัครา)
                Agra เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ฝั่งแม่น้ำยมนา เวลา 9.00 น. คณะเดินทางไปเข้าชมทัชมาฮาล (Taj Mahal) สร้างโดยพระเจ้าชาจาฮาล รัชกาลที่ 5 ราชวงศ์โมกุล สร้างให้พระนางมุมตัส อัครมเหสี เป็นสิ่งแทนความรักอันยิ่งใหญ่ ใช้เวลาก่อสร้าง 22 ปี
พ.ศ. 2174- 2196 โดยสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว อมชมพู แกะสลักลวดลาย ภายในเป็นที่ฝังพระศพของพระเจ้าชาจาฮาล และพระนางมุมตัส 
ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก







ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป มีแต่บริเวณด้านนอก


 
ช่วงบ่าย เดินทางไปยังพระราชวัง อัคราฟอร์ด (Agra Forth) ซึ่งเป็นพระราชวังที่ลูกของพระเจ้าชาจาฮาลได้สร้างขึ้น สร้างด้วยหินทรายสีแดง และเป็นที่คุมขังพระเจ้าชาจาฮาล พระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นทัชมาฮาลได้ชัดเจน ซึ่งตามประวัติ พระเจ้าชาจาฮาล จะเสด็จออกมามองทัชมาฮาลทุกวัน เช้า สาย บ่าย เย็น จนพระองค์สิ้นพระชนม์ ณ พระราชวังแห่งนี้

 พระราชวังอัคราฟอร์ด


 สาวญี่ปุ่นในชุดส่าหรี่

 มองเห็นทัชมาฮาล ริมฝั่งแม่น้ำยมนา


ด้านหลัง ลิบ ๆ ประมาณ 5 ก.ม. คือทัชมาฮาล ริมฝั่งแม่น้ำยมนา

 มหารานี  มหาราชา

 ภายในสวนของวัง

 

13 ก.พ. 56  (วัดไทยสาวัตถี)
               วันที่สาม คณะเดินทางทั้งวัน จากเมืองอัครา ไปยังเมืองสาวัตถี ระยะทาง 580 ก.ม. ไปทางตะวันตก ถึงวัดไทย      สาวัตถีธรรมวิปัสสนา ประมาณ 2 ทุ่ม หลังจากรับประทานอาหารเย็นที่ทางวัดเตรียมไว้แล้ว ซึ่งเป็นอาหารไทย ๆ คณะได้ร่วมทำบุญทอดผ้าป่า ให้กับวัดได้เงินทำบุญประมาณ  2 หมื่นกว่าบาท รวมเงินรูปีอีกประมาณ 6,700 รูปี  แล้วแยกย้ายกันพักผ่อน ณ ห้องพักของวัด พักห้องละ สองคน วัดใช้เครื่องปั่นไฟ ประมาณ 5 ทุ่ม ก็ต้องดับเครื่องปั่น เพื่อประหยัดน้ำมัน เปิดใหม่ตอนเช้ามืด ตีสี่

14 ก.พ. 56  (วัดเชตะวัน)
               คณะเก็บกระเป๋าเดินทางไปยังวัดเชตวัน ในเมืองสาวัตถี (Sravasti) ซึ่งในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงจำพรรษาที่วัดแห่งนี้นานที่สุดคือ 19 พรรษา เข้าชมสถานที่สำคัญต่าง เช่น กุฏิที่ประทับ และกุฏิของสาวกองค์ต่าง ๆ เช่น พระโมคลา พระสาลีบุตร องคุลีมาล ฯลฯ คณะได้เข้าไปไหว้พระสวดมนต์ ขอพร และเวียนเทียน ได้ความสุขทางใจอย่างแท้จริง
 บริเวณวัดไทยสาวัตถีธรรมวิปัสนา

 บริเวรวัดเชตวัน ที่พระพุทธองค์จำพรรษานาน 19 พรรษา


สาวก ภายในวัดฯ

สาธุ สาธุ

 

กลางวัน กลับไปรับประทานอาหารที่วัดไทยสาวัตถีธรรมวิปัสสนา ที่พักเมื่อคืน จากนั้นเดินทางไปทางตะวันตกอีก 260 กม. ชายแดนอินเดีย – เนปาล แวะพักที่วัดไทยนวราชรัตนาราม 960 รับประทานข้าวเย็นกันที่วัดนี้
ช่วงค่ำ ข้ามพรมแดนไปยัง เนปาล ซึ่งอยู่ไม่ไกลประมาณ 30 ก.ม.  ถึงโรงแรมที่พัก (Zambala Lumbini)  ประมาณ 7.30 น.ที่นี่มี Wifi ให้ใช้ที่ห้องโถงของโรงแรม แยกย้ายกันพักผ่อน

15 ก.พ. 56 (สถานที่ประสูติ ลุมพินี ประเทศเนปาล – สถานที่ปรินิพพาน เมืองกุสินารา อินเดีย)
                ออกเดินทางจากโรงแรมแต่เช้า เพื่อไปยังสวนลุมพินี สถานที่ประสูติ บริเวณแห่งนี้ ประกอบด้วย เสาหินที่พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสร้างไว้ เป็นจุดที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ หลังจากประสูติจากครรภ์มารดา ทรงเดินไป 7 ก้าว เป็นสิ่งปลูกสร้างเรียกว่า มหามายาวิหาร คณะเข้าไปด้านในของวิหารฯ สักการะ และเวียนเทียน ไหว้พระสวดมนต์ ขอพร ด้านข้างวิหาร มีสระน้ำ เรียกว่าสระโบกขรณี ที่พระมารดาทรงไปล้างตัวหลังจากทรงมีพระประสูติ
 

 เสา ที่พระเจ้าอโศกทรงสร้าง และวิหารมายาเทวี

 สระโบกขรณี ที่พระนางสิริมหามายาทรงชำระร่างกายหลังมีพระประสูติ
 นักบวชในพุทธศาสนาจากทั่วโลกมาสวดมนต์ทำสมาธิ
คณะทอดผ้าป่าถวายวัดไทยรัตนาราม 960
 
                กลางวัน เดินออกจากเนปาล กลับสู่ชายแดนอินเดีย ไปรับประทานอาหาร ณ วัดไทยนวราชรัตนาราม 960 เสร็จแล้วมีการทำบุญทอดผ้าป่า ที่วัดนี้ ได้เงินเข้าวัดประมาณ 13,000 บาท และ 3,000 รูปี จากนั้นคณะออกเดินทางลงทางใต้อีกประมาณ 170 ก.ม. มุ่งหน้าไปเมือง กุสินารา ถึงประมาณ 4 โมงเย็น เข้าชมสถูป สถานที่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพาน  คณะเข้าไปกราบนมัสการพระพุทธอนุฏฐไสยาสน์ พระนอนปางปรินิพพาน สร้างเมือง พ.ศ. 960
 
 สถานที่เสด็จปรินิพพาน เป็นสถูป ภายในมีพระพุทธรูปปางปรินิพพาน

 
 

                ช่วงเย็นเดินทางไปพักที่วัดไทยกุสินาราและรับประทานอาหารประมาณสองทุ่ม จากนั้นร่วมกันทอดผ้าป่าถวายวัดแล้วแยกย้ายไปพักผ่อน พักรวมกันห้องละ 6 คน มีห้องน้ำในตัว
 ทอดผ้าป่าถวายวัดไทยกุสินารา
 เจ้าอาวาสแจกของให้คณะ
นมัสการพระบรมสารีรีกธาตุ
16 ก.พ. 56 (ปฐมเทศนา พาราณสี)
                ตื่นกันแต่เช้ารับประทานอาหาร นมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ ในวัดไทยกุสินารา แล้วเดินทางไปประมาณ 1 ก.ม. ไปนมัสการมกุฏพันธเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พระพุทธเจ้า  คณะสวดมนต์ ขอพร และเวียนเทียนรอบเจดีย์
 ไหว้พระสวดมนต์บริเวณสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า
 
ช่วงสายเดินทางต่อไปเมืองพาราณสี ( Vanarasi) เมืองหลวงแคว้น กาสี 280 ก.ม. ระหว่างทางฝนกระหน่ำตลอดทาง รับประทานข้าวกล่องที่เตรียมมากันบนรถ เข้าชมพิพิธภัณฑ์สารนาถ และ ถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งเป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนา โปรดปัญจวคีย์ ที่เกิดแห่งวันอาสฬหบูชา ฝนหยุดตก มีแสงแดดออกให้คณะเข้าไปสวดมนต์ เวียนเทียน พอเสร็จพิธีช่วงก่อนค่ำ ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ช่วงค่ำคณะรับประทานอาหารเย็นและพักที่วัดไทยสารนาถ มีการทำบุญทอดผ้าป่าอีก ได้เงินแสนกว่าบาท รวมสบทบในการสร้างห้องพักให้กับทางวัด ที่มีผู้บริจาคเพิ่มเติมอีก 3 ห้องพัก
 
บริเวณวัดไทยสารนาถ
 
17 ก.พ. 56   (ล่องแม่น้ำคงคา – พุทธคยา )
                เช้าออกจากวัดไทยสารนาถเพื่อจะไปล่องเรือที่แม่น้ำคงคาที่ไหลผ่านเมือง พาราณสี  ล่องเรือระยะทาง 5 ก.ม. ไป-กลับ ชมสภาพความเป็นอยู่ระหว่างสองฝากฝั่ง มีผู้คนมาใช้อาบ ซักล้าง ทำพิธีบูชาพระแม่คงคา ของชาวอินเดีย เพราะถือว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ของชาวฮินดูซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการเผาศพที่ทำกันริมแม่น้ำแห่งนี้
 แม่น้ำคงคา

 ผู้คนใช้ อาบ ดื่ม กิน
 เผาศพกันริมแม่น้ำ


 
จากนั้นเดินทางลงมาทางใต้สู่พุทธคยา เป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มีต้นพระศรีมหาโพธิ์ และสถูปเจดีย์  พุทธคยา ณ ที่นี้เป็นสถานที่สงบ ร่มรื่น มีผู้คนมากมายจากทุกสารทิศทั่วโลก มาแสวงบุญ ยิ่งในช่วงกลางคืน ตลอดทั้งคืนจนถึงช่วงเช้า จะมีชาวพุทธมานั่งสมาธิ เวียนเทียน อยู่รอบ ๆ พุทธคยา มีผู้ร่วมคณะบางท่าน เดินทางมาที่แห่งนี้เป็นครั้งที่ 7 บางท่าน ครั้งที่ 5 บางท่านครั้งที่ 3 สำหรับผมเองเพิ่งมาเป็นครั้งแรก และคิดว่า ถ้ามีโอกาส ยังอยากจะมาอีก คณะพักกันที่วัดไทยปากน้ำอินเดีย พักที่วัดนี้ 2 คืน
 
 เจดีย์พุทธคยา กลางวัน
 นักบวชทิเบต
 ต้นพระศรีมหาโพธิ์
พุทธคยา กลางคืน

18 ก.พ. 56 (ราฃคฤห์ วัดเวฬุวัน มหาวิทยาลัยนาลันทา)
                ช่วงเช้าชมมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยทางพุทธศาสนา หลังจากนั้นไปนมัสการหลวงพ่อดำที่เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่ถูกทำลายโดยพวกอิสรามสมัยโบราณ
ขึ้นเขาคิชกูฏ นมัสการพระคันธกุฏี ที่ประทับของพระพุทธเจ้า กุฏีพระอานนท์ ถ้ำที่พระสาลีบุตรบรรลุพระอรหันต์ ถ้ำที่อยู่พระมหาโมลคัลลา ชะโงกเขาที่พระเทวทัตกลิ้งหินใส่พระพุทธเจ้า
 เขาคิชกูฎิ
 สวดมนต์ บริเวณกุฏิของพระพุทธเจ้า บนเขาคิชกูฏิ

 มีสาวก มาเฝ้าดูพวกเราด้วย

 ชาวตะวันตกก็มาทำสมาธิ

 บริเวณมหาวิทยาลัยนารันทา

 อีนี่ แขกยาม นะนาย
บ้านนางสุชาดา


แขกเรียกงู
รถบรรทุก
อาทิตย์อัสดง ที่เขาคิชกูฏ
ตลาดซื้อขายพืชผัก ผลไม้

แปลงสีฟันตอนเช้า ๆ ใช้กิ่งไม้ทุบปลายเป็นแปลง
เจดีย์พุทธคยาและต้นพระศรีมหาโพธิ์


19 ก.พ. 56 (แม่น้ำเนรัญชรา กลับเมืองไทย)

                เช้าคณะไปขมบ้านนางสุชาดา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราตรงกันข้ามกับ เจดีย์ พุทธคยา ซึ่งปัจจุบันเหือดแห้งแล้ว ชมจุดที่พระพุทธองค์ทรงตั้งจิตอธิฐานแล้วลอยถาดทวนน้ำในแม่น้ำแห่งนี้ จากนั้นคณะไป ช๊อปปิ้ง บริเวณพุทธคยา และเข้านมัสการไหว้พระที่เจดีย์พุทธคยาและต้นพระศรีมหาโพธิ์ อีกรอบหนึ่ง แล้วเดินทางลงใต้ไปยังเมือง โกลกัตต้า (Kolkata) เพื่อรอขึ้นเครื่องบิน  Jet Airways เที่ยวบินที่ 9w66 ประมาณ ตี 2 ถึงสุวรรณภูมิ 06.00 น.วันที่ 20 ก.พ. 56 มีรถจากบริษัทธรรมหรรษาทัวร์ มารับเดินทางกลับราชบุรี ด้วยความอิ่มไปด้วยบุญกันทุก ๆ คน และขออนุโมทนาบุญมายังท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยครับ

นมัสเต

Thiti Boonyos  :Report



พิเศษ ข้างกำแพง ทัชมาฮาล