2/08/2558

Trip Japan 2 Weeks

เที่ยวตระเวณ ญี่ปุ่น 14 วัน
          รีวิว ทริปเที่ยวญี่ปุ่นคราวนี้เดินทางไปกันเองอีกครั้งหนึ่ง ไหน ๆ ไปทั้งที ไปให้ครบเท่ากับจำนวนวันที่สามารถอยู่ในประเทศญี่ปุ่นได้สำหรับนักท่องเที่ยวคนไทย คือ 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ คืนวันที่ 15 -29 ม.ค. 58 รวม 14 วัน หรือ สองอาทิตย์พอดี คณะเราไปด้วยกัน 8 ชีวิต จองตั๋ว กรุงเทพฯ - โตเกียว ล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ ส.ค. 57 เป็นตั๋วโปรโมชั่นของการบินไทย (ราคา 16,800 บาท) วางแผนเดินทางท่องเที่ยวรอบ Mt. Fuji แล้วขึ้นไปเกาะ Hokkaido เรียกว่าตระเวณเที่ยวกันทีเดียว สองเกาะเลย หาข้อมูลการท่องเที่ยวตามที่มีผู้โพสต์ไว้ในอินเตอร์เนตบ้าง จากหนังสือท่องเที่ยวต่าง ๆ บ้าง จองที่พักล่วงหน้าไว้ทุกแห่ง บางแห่งต้องจ่ายเงินก่อนผ่านบัตรเครดิต บางแห่งได้ Booking ID นำไปแสดงแล้วจ่ายเงินเวลา Check in
          คณะเราซื้อตั๋ว JR PASS ไปจากเมืองไทย ตั๋ว 14 วัน  (13,500 บาท) ใช้สำหรับเดินทางได้ทุกที่ ที่มีบริการของ JR ทั่วประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถหัวจรวด (Shinkansen) รถไฟใต้ดิน ฯลฯ ที่เป็นเครือข่ายของ JR จะขึ้นกี่เที่ยวก็ได้ คุ้มมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Shinkansen ถ้าไป   ซี้อตั๋วที่ญี่ปุ่น ราคาแพงมาก มีสมาชิกพวกเราคนหนึ่งทำบัตร JR PASS หาย ช่วงที่กลับลงมาจาก Sapporo กำลังจะไป Takayama จำเป็นต้องซื้อตั๋วใหม่ เสียเงินไปอีก ตั้งเก้าพันกว่าบาท จึงขอแนะนำว่า ต้องรักษาบัตร JR PASS ไว้ให้ดีเหมือน Pass Port เลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น แลกเงินติดกระเป๋าไปแค่คนละ 35,000 บาท กินอาหารร้านสะดวกซี้อบ้าง แบบร้านอาหารหรูบ้าง สรุปค่าใช้จ่ายการเดินทางครั้งนี้ทั้งหมดคนละไม่เกิน เจ็ดหมื่นบาทครับ ยกเว้นบางคนช๊อปปิ้งกระจาย ก็ว่ากันไปอีกแบบหนึ่ง
          ขอประชาสัมพันธ์เลยครับว่า ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่น่าเที่ยวมากที่สุดประเทศหนึ่ง น่าประทับใจสุด ๆ ชาวญี่ปุ่นให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ยิ้มแย้มทักทาย ให้ความเป็นกันเอง ให้บริการต่าง ๆ ดีเยี่ยม สถานที่สวยงาม การสาธารณูปโภคสะดวกสบาย ตรงเวลา ห้องน้ำสะอาดทุกแห่ง แถมบริการฟรี แม้ในที่สาธารณะก็สะอาด และไม่เก็บค่าบริการเหมือนบางประเทศด้วย
          แผนการเดินทาง และที่พัก
          1. 15 Jan 15, TG 640 22.30 น. ถึง Narita Airport  16 Jan 15 , 06.00 น.
          2. 16-17 Jan 15, Khaosan World Asakusa Hostel, Tokyo.
          3. 18 Jan 15, Ashinoko Ichinoyu Hotel ,Hakone
          4. 19 Jan 15, Kawakugiko Station Inn.,Kawakugiko
          5. 20 Jan 15 เดินทางโดยรถไฟจากเกาะ Honshu ไปเกาะเหนือ Hokkaido
          6. 21-22 Jan 15 , Hotel North Gate Sapporo,Sapporo Hokkaido.
          7. 23 Jan 15 , Abashiri Hotel ,Abashiri City ,Hokkaido.
          8. 24 Jan 15 ,  Hotel North Gate Sapporo,Sapporo Hokkaido
          9. 25 Jan 15 เดินทางกลับเกาะ Honshu ภาคกลาง ที่โตเกียว แล้วต่อไป Takayama
         10. 26 Jan 15, Country Hotel Takayama. Takayama.
         11. 27-28 Jan 15,  Khaosan World Asakusa Hostel, Tokyo.
         12. 29 Jan 15 , TG 677 ,17.30 น. - BKK ,Thailand , 22.30 น.

TG 640 22.30 น. 15 ม.ค. 58 เดินทางโดยเครื่องชื่อ Ongkharak ถ้าจำไม่ผิดเป็น รุ่น 787-8 DreamLiner รุ่นใหม่ของการบินไทย

ที่ Narita Terminal 1, ใช้บริการ ฝากกระเป๋าใบใหญ่ไปโรงแรมที่เราจองไว้ ไม่ต้องลากกระเป๋า สะดวกดี (Baggage Delivery Service ของ บ.แมวดำ Yamoto)

ที่ Narita Airport นำหลักฐาน JR Pass ที่ซื้อจากเมืองไทยไปออกตั๋ว JR PASS ที่ Office JR ณ จุดที่เห็นในภาพนี้
JR PASS คือ ตั๋วรถไฟที่สามารถขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นของ "JR" หรือ Japan Railways ได้ "เกือบ"หมดทุกขบวน ไม่จำกัดเที่ยวเป็นเวลา 7,14,21 วัน ตามแต่จะเลือก

นี่ละครับ JR PASS ใช้บริการของ JR ได้ทั่วประเทศ 14 วันครับ 16-29 Jan 15
ใช้แสดง ผ่าน เข้า ออก สถานีรถไฟ ของ JR ทุกแห่ง ทั่วญี่ปุ่น

ใช้สำรองที่นั่งเที่ยวแรก จากสถานี Narita ไป สถานี Tokyo ครับ
Narita Express (Nex) เป็นเครือข่าย เดี่ยวกันกับ JR

รอเวลาขบวนรถในห้อง Heater อบอุ่นร่างกาย

เข้าเขตเมืองโตเกียวแล้ว
หอคอย TOKYO SKY TREE ยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกรองเป็นอันดับสอง ซึ่งรองจากบูร์จคาลิฟาในประเทศดููไบ สาเหตุที่ทางญี่ปุ่นสร้างหอคอยนี้เนื่องจากความสูงของหอคอยโตเกียวทาวเวอร์เดิมนั้นไม่สามารถส่งสัญญาณคลื่นวิทยุในรูปแบบดิจิตอลได้ครับ จึงต้องสร้างหอคอยนี้มาทดแทนจ้า


จาก Narita Airport มาลงที่สถานี Tokyo แล้วนั่งรถไฟต่อมายังสถานี Ueno

บริเวณตลาด Ueno มีร้านขายของให้ Shopping มากมาย
มีทั้งอาหารสด แห้ง เสื้อผ้าของใช้ หลากหลายที่ Ueno


มีให้เลือกทั้งแห้ง และสด

แวะซื้อรองเท้าคู่ใหม่ คู่ที่ใส่ไปจากเมืองไทย ไม่อยากกลับบ้านซะแล้ว พื้นชำรุด

ผลไม้น่ารับประทาน

ผู้คนเดินจับจ่ายมากมาย

แบกเป้ เดินชมตลาด

ภายในสถานี Ueno Station

นักเรียนญี่ปุ่น

ผู้คนมากมาย ภายในสถานี Ueno Station
ที่ทำการ Office Center ของ JR คณะเราไปติดต่อเพื่อสำรองที่นั่งรถไฟไปยังเมืองที่เรา PLan ไว้
สำรองที่นั่งจาก สถานี Tokyo ไป Odawara โดยรถไฟความเร็วสูง Shinkansen


นั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานี Asakusa

แถว ๆ หน้าวัด Asakusa รถลาก style ญี่ปุ่น

เดินผ่านหน้าวัด Asakusa ไปหาโรงแรมที่พัก Khaosan World ASakusa Hostel อยู่ใกล้ ๆ ย่านนี้ โดยสอบถามไปตลอดทาง

หน้าทางเข้าโรงแรม Khaosan World Asakusa Hostel ครับ

ห้องพัก 4 คน นอนกับพื้น แบบ Ryokan

วัด Asakusa หรือ Sensoji Temple ใครมาโตเกี่ยวจะต้องมาที่แห่งนี้ละครับ

ภายในห้องอาหาร รวม ของโรงแรม แขกที่มาพักสามารถนำอาหารมาประกอบและรับประทานกันที่ห้องนี้ มีเครื่องครัวให้ครบครัน


มีตู้เครื่องดื่ม และอาหารจานด่วน ให้บริการ หยอดเงิน

ถ่ายจากด้านนอกโรงแรม Khaosan World Asakusa Hostel
ถ่ายภาพจากวัด Asakusa จะเห็นตึกสูงชื่อ Khaosan View Hotel
สำหรับ Khaosan World Asakusa Hostel ที่เราพัก จะอยู่ด้านซ้าย ของ ตึกนี้ ครับ

มุมมองจากโรงแรมที่เราพัก ไปยังโรงแรม Khaosan View Hotel ที่เป็นที่สังเกตุละครับ

ถ่ายเด็ก ๆ ที่เป็นนักท่องเที่ยวพักที่โรงแรมเดี่ยวกัน น่ารักดี

หน้าโรงแรม เช้าวันที่ 17 Jan 15 เตรียมออกเที่ยว
 วันที่ 17 ม.ค. 2558
          คณะเราทำธุระส่วนตัวกันเรียบร้อยแล้วนัดกันประมาณ 9.00 น. ลงมาขึ้นรถไฟใต้ดิน มีทางลง Subway อยู่ข้าง ๆ โรงแรมที่พัก รถไฟใต้ดินของญี่ปุ่นค่อนข้างวุ่นวาย และสับสน เนื่องจากมีผู้ใช้บริการมากนั่นเอง มีหลักอยู่ว่า เราจะมีเป้าหมายไปยังสถานีใด ช่วงแรกใช้วิธีถามเจ้าหน้าที่แต่งเครื่องแบบตามทางออกทางเข้าสถานี  ส่วนใหญ่จะบริการดีมาก เช่นเราจะไปสถานี Tsukiji จะไปชมตลาดปลา เจ้าหน้าที่จะชี้ทาง บอกเราว่าจะต้องขึ้นรถไฟสายอะไร บ้าง การซื้อตั๋วจากเครื่องก็สะดวกมาก ดูจากแผนที่ ติดไว้ที่สถานีทุกแห่ง สายต้นทาง (You are Here) แล้วดูสถานีที่จะไป จะมีราคาบอก กดตามนั้นแล้ว หยอดเหรียญ ตั่วก็จะออกมา ถ้าเกิน ก็จะมีเงินทอนเรียบร้อย คณะเรานั่งไปหลายต่อ บางช่วงก็ใช้บริการ JR PASS บางช่วงที่ไม่ใช่เครือข่ายของ JR ต้องซื้อตั๋วจากเครื่องดังกล่าว
กำลังช่วยกันดู เส้นทาง และสถานีที่จะไป ตามแผนที่ บ้าง ถามคนญี่ปุ่นบ้าง ภาษาอังกฤษ ปนภาษามือ ครับ

มาถึงสถานี Tsukiji Sta. จนได้ละครับ จะมาเที่ยวชมตลาดปลาที่ใหญ่ของโตเกี่ยว
ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)
ที่ตั้ง : แขวงซึกิจิ, เขตชูโอ, โตเกียว
เปิด-ปิด : ตลาดเปิดราวๆ 04.00 น. ในส่วนของตลาดปลาจะวายราวๆ 10.00 น. แต่ในส่วนของร้านค้าโดยรอบอาจเปิดถึงตอนบ่ายไปจนกระทั่งค่ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน / ตลาดปิดวันอาทิตย์ และวันหยุดตามปฎิทินญี่ปุ่น
วิธีเดินทาง :
>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H10-Tsukiji ทางออก 1 (Exit 1) เสร็จแล้วเดินไปตามถนนอีกราว 5-10 นาที
>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู) ลงสถานี E18-Tsukijishijo ทางออก A1)

ในตลาด ผู้คนมากมาย รวมนักท่องเที่ยวและผู้มาซื้อของ

สินค้าอาหารทะเล สด ๆ บ้างก็แช่แข็งบ้าง

สินค้ามีให้เลือกหลากหลาย พร้อมติดราคา


ผักดองก็มีให้ชิมด้วย
เนื้อปลสด ๆ ไปทำ ซูชิ

ก้ามปูยักษ์

แม่ค้าเชิญชิมอาหารทะเลแห้ง

Show ชำแหละปลาทูน่า ตัวใหญ่ มีคนนั่งรอกินในร้านเลยครับ

เนื้อปลาขายกันสด ๆ

ตลาดประมูลปลา ตั้งแต่ตอนเช้ามืด

เข้ามาชมภายในวัด Tsukiji ใกล้ ๆ ตลาดปลา
"Tsukiji Honganji Temple" วัดพุทธสไตล์อินเดีย เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะ ออกแบบโดย Ito Chuta (อิโตะ ชูตะ) ศาสตราจารย์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว เริ่มการก่อสร้างในปี 1931 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1934 อยู่ใกล้กับตลาดปลาสึคิจิ โตเกียว คนรุ่นใหม่จะจำวัดนี้ได้ เพราะเคยเป็นสถานที่จัดพิธีศพของ HIDE (ฮิเดะ/ไฮด์) มือกีตาร์ วง X-Japan ในวันที่ 7 พฤษภาคม 1998 ด้วย

ภายในโบสถ์ สวยมาก กำลังทำพิธีทางศาสนา

หน้าวัด Tsukiji


ขึ้นรถไฟใต้ดินมายัง Shimbashi Station เพือต่อรถ Mono rail ไปยังเมืองใหม่ ถมทะเลที่เรียกว่า Odaiba
 
          ที่สถานี Shimbashi มี Office Ticket ของ JR เลยไปติดต่อเพื่อสำรองที่นั่ง รถไฟจาก Tokyo ไป Sapporo ต้องต่อรถไฟหัวกระสุน Shinkansen  ประมาณ 4 ต่อ อันที่จริงแล้ว ขบวนรถไฟที่จะขึ้นเหนือแต่ละขบวน จะประกอบด้วยที่นั่งเป็นสองประเภอคือ ตู้จอง (Reserved Car) และตู้ที่ไม่ได้จอง ถ้ามีที่นั่งว่างก็ได้นั่ง (Non-Reserved Car) แต่เป็นการเดินทางไกล คณะเราจึงใช้วิธีจองดีกว่า เพราะบนตั๋วจะ Fix วันที่ ขบวนรถ เวลาออก เวลาถึง ให้เรียบร้อย ป้องกันการสับสนด้วยครับ แนะนำผู้จะมาเที่ยวญีปุ่นควรจองดีกว่าครับ โดยใช้ JR PASS ติดต่อที่ทำการ ของ JRได้ทุกแห่งครับ บริการดีมากทุกแห่ง
เมืองใหม่ย่าน Odaiba
โอไดบะ (Odaiba) เป็นเกาะรวมศูนย์กลางความบันเทิง ของเมืองโตเกียว เมืองหลวงในปัจจุบันของญี่ปุ่น โอไดบะ เป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง โดยการนำ ดิน ทราย มาถม ทะเล ให้เกิดขึ้นเป็น เกาะขึ้นมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1850 สร้างกันมาเป็นร้อยปีเลยทีเดียว เกาะนี้เป็นเกาะที่แสดงให้เห็นถึง วิสัยทัศน์ และศักยภาพของชาวญี่ปุ่น ที่สามารถสร้าง สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ขึ้นมา

เดินทางโดยรถไฟ
1. JR Rinkai Line เป็นรถไฟที่ให้บริการโดยบริษัท JR แต่ไม่สามารถใช้ร่วมกับ JR Pass ได้ นั่นหมายความว่าต้องซื้อแยกต่างหาก และสถานีไม่ค่อยครอบคลุมเกาะโอไดบะเท่าไรนัก
2. Yurikamome เป็นสายรถไฟที่เชื่อต่อกับ JR Yamanote ที่สถานี SHIMBASHI โดยเครือข่ายของรถไฟสายนี้ ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งเกาะโอไดบะเลยทีเดียว และยังมีตั๋วประเภท 1 day pass ราคา 800 JPY จำหน่ายอีกด้วย ถ้ามีโอกาสได้ขค้นรถไฟขบวนนี้ แนะนำให้นั่งหัวขบวน จะได้ชมวิว สะพานสายรุ้ง และอ่าวโตเกียวได้ดีทีเดียว


ย่าน Odaiba

Odaiba ที่นี่ลมแรง อยู่ใกล้ปากอ่าว อากาศหนาวมากด้วย

มีเทพีสันติภาพจำลองด้วย ที่ Daiba

กลางคืนที่นี่จะมีแสงสี สวยงาม

Rainbow Bridge


ย่านเมืองใหม่ Odaiba
           กลับจาก Odaiba ช่วงเย็น กลับไปยัง Asakusa แถวที่พักเดินหา Shop Baggage Delivery (แมวดำ) ใช้บริการส่งกระเป๋าใบใหญ่ของทุกคนไปโรงแรมที่ Sapporo ก่อนล่วงหน้า ค่าบริการก็ไม่แพงมาก ใบละประมาณ 500 บาท ดีกว่าลากกระเป๋าใหญ่ขึ้นๆ ลง ๆ รถไฟ ไม่สนุกแน่

วันที่ 18 ม.ค. 58
          ตื่นกันแต่เช้าตี 4 เลยครับ นั่งรถไฟใต้ดินจาก Asakusa ไปลง Akihabara แล้วต่อไปสถานี Tokyo ใช้ตั๋วรถไฟ JR ที่สำรองที่นั่งไว้ไป Odawara ที่สถานี้ Odawara ซื้อ Hakone Free Pass ราคา 4000 เย็น ใช้ได้ 2 วัน ถึง 19 Jan 15 ใช้ขึ้นรถไฟ Local รถราง และกระเช้า (Rope Way) ได้ทั่วเมือง Hakone

ตั๋วนั่ง  Shinkansan จาก Tokyo ไป Odawara
สำรองไว้แล้ว


ขบวนรถ Shinkansen Kodama 639 ไป Odawara

บนรถ Shinkansen ว่าง ครับ

ที่ Odawara Station มีเจ้าหน้าที่ของสถานีแนะนำให้เราซื้อ Hakone Free Pass 2 วัน 4000 เยน

Hakone Free Pass ใช้ขึ้นรถเที่ยว Hakone 2 วันครับ
ระหว่างรอรถที่สถานี คณะเราผลัดกันถ่ายรูป ผมเองเผลอทำบัตรนี้หล่น พอขึ้นรถไฟค้นหาในกระเป๋าไม่พบ มองไปที่พื้นชานชลา เห็นตั๋วหล่นอยู่ที่พื้น โชคดีที่เห็นก่อนรถไฟออก ไม่เช่นนั้นยุ่งแน่

ที่สถานี Odawara กำลังจะออกไป Hakone โดยรถไฟท้องถิ่น
ฮาโกเน่ Hakone เมืองแสนสวยที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียวห่างออกมาราว 100 กิโลเมตร แต่เราสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ หรือถ้าหากอยากแช่น้ำร้อนนอนออนเซ็นก็สามารถหาเรียวกังพักค้างคืนได้ เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อนและน้ำแร่ธรรมชาติจากภูเขาไปที่ยังครุกรุ่นอยู่

ออกมารอรถไฟท้องถิ่นสาย Hakone Tozan Raiway

รอกันขึ้นรถ

ก่อนรถไฟออกเดินทาง ผมทำตั๋ว Hakone Free Pass หล่นไว้ที่พื้นชานชลา แต่บังเอินเอะใจ มองไปด้านนอก เห็นจึงวิ่งไปเก็บมาก่อนรถไฟออก เกือบเป็นเรื่องแล้วไหมละ

รถไฟวิ่งขึ้นที่สูง ขึ้นเขาไปตลอด
ผ่านอุโมงค์ ทะลุภูเขา หลายแห่ง

ประเทศญี่ปุ่น จ้าวแห่งการเจาะอุโมงค์ลอดภูเขา ผ่านหลายอุโมงค์

เส้นทางรถไฟใต่ระดับขึ้นเขาสูง
รถไฟสายภูเขา (Mountain Railways) สายนี้วิ่งจากสถานี Hakone-Yomoto สิ้น สุดที่สถานนี Gora เป็นขบวนสั้นๆ มีเพียง 3 โบกี้สีส้มแดงสดใส วิ่งลัดเลาะไปตามเชิงเขาที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มผ่านสะพานเหล็กข้ามหุบเหว เรียกความหวาดเสียวได้เล็กน้อย อุโมงค์สั้นๆอีกหลายแห่งและจอดที่สถานีเล็กๆบนเขา เพื่อรอให้ขบวนรถที่วิ่งสวนมาผ่านไปก่อน ด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาไม่สามารถตัดเส้นทางรถไฟเป็นวงโค้งขึ้นไปได้ จึงใช้วิธีวิ่งสลับกันระหว่างหัวขบวนกับท้ายขบวน (ถอยหลังขึ้น) ดังนั้น แนะนำให้นั่งตรงหัวหรือท้ายขบวนจะได้เห็นวิธีการนำรถไฟขบวนนี้ค่อยๆคืบคลาน ขึ้นสู่ระดับความสูงบนยอดเขา

รถไฟมาสิ้นสุดที่สถานี Gora

คณะเราฝากกระเป๋าไว้ที่ Locker หยอดเหรียญที่สถานี Gora จะได้เที่ยวชมวิว ได้สะดวก
จาก Gora ต่อรถรางขึ้นไปยังสถานี Sonzan Hagone Ropeway

Ropeway หรือสถานี กระเช้าไฟฟ้า

กระเช้าไฟฟ้า Ropeway นั่งได้ 10 คน

นั่ง Ropeway ไต่ระดับ ชมทิวทัศน์ และ Mt.Fuji

ด้านล่าง ผ่านบ่อกำมะถัน ควันพวยพุ่ง ที่ หุบเขานรก

ลงชมวิว Mt. Fuji, ชิมไข่ดำต้มในบ่อกำมะถัน ที่สถานี Owakudani Ropeway
ไข่ดำ สัญลักษณ์ ของที่นี่

ท้องฟ้าแจ่มใส มองเห็น Mt. Fuji ได้เต็มตา

บ่อก๊าส กำมะถัน ด้านหลังที่มีควัน

วันนี้แดดเป็นใจ เห็น Mt.FUJI เต็มตา ใสแจ๋ว


Mt.Fuji


ครบทีม


ทั้งไข่  ทั้งเขา
ไข่ดำ ต้มจากบ่อก๊าสเปลือกสีดำ เนื้อไข่สีขาวปกติ

ซื้อมาชิม 5 ลูก 500 เย็น

จากสถานี กระเช้าฯ Owakudani นั่งกระเช้าฯ ต่อไปยังสถานีปลายทาง สุดท้ายที่สถานี Togendai

สถานี Togendai อยู่ติดทะเลสาบ Arshinoko ที่นี่มีรายการล่องเรือในทะเลสาบ และอยู่ในรายการของ Hakone Free Pass ด้วยครับ
และโรงแรมที่คณะเราจองไว้ก็อยู่ไม่ไกลจากสถานี Togendai แค่เดินไป 15 นาที แต่คณะเราดันฝากเป้ ไว้ที่สถานี Gora โน้น เที่ยวเสร็จ ต้องนั่งกระเช้ากลับไปเอา

เรือที่ใช้ล่องทะเลสาบ Arshinoko

ชมวิวบนดาดฟ้าเรือ

อากาศด้านนอกเรือ หนาว

รอบ ๆ ทะเลสาบ


ล่องเรือเสร็จจนเย็น ต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้า กลับขึ้นไปเอากระเป๋า เป้ ที่ฝากไว้ที่สถานี Gora
ปรากฎว่า กระเช้าปิดบริการพอดีเนื่องจากหมดเวลา 17.00 น. ไม่สามารถกลับไปที่ โรงแรมที่ สถานี Togendai ได้    รถ BUS ก็หมดแล้ว
 โชคดีที่มี Taxi ,  คันละ 3,000 เย็น จาก Gora ไป Togendai
 
โรงแรมที่พัก Hagone ใกล้ทะเลสาบ Ashinoko , และลงที่สถานีกระเช้าไฟฟ้า ที่ Togendai

โรงแรมนี้แพงสุด ของทริปนี้ ตกประมาณ สี่พันกว่าบาท/ ต่อห้อง /2 คน  รวมอาหารเช้า เสริฟแบบญี่ปุ่น

โรงแรมชื่อ Ashinoko Ichinoyu อยู่ไม่ห่างจากสถานีกระเช้าไฟฟ้า Togendai เดินมา 15 นาที

เช้าที่ 19 Jan 15 เดินจากโรงแรมไปที่สถานี Togendai เพื่อไปต่อรถ ฺBUS
19 Jan 2015
          ตื่นกันแต่เช้าเช่นเคย รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เดินไปขึ้นรถบัสที่สถานี Togendai เที่ยว 9.30 น.ชานชลา หมายเลข 2  ยังใช้ Hagone Free Pass ได้อยู่ ลงที่สถานี Gotemba แล้วเดินข้ามทางข้ามไปยังสถานี Fujikyu คราวนี้ต้องซื้อตั๋วใหม่ Hagone Free Pass ใช้ไม่ได้แล้ว คนละเมือง ซื้อตั๋วไปลงที่ Kawakugiko เที่ยว 10.30 น. ไปถึง 12.00 น.ฝากของไว้ที่โรงแรม อยู่หน้า สถานีรถบัส และสถานีรถไฟ ที่เดียวกันพอดี
          เมือง Kawakugiko เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ Mt.Fuji วันนี้มีเมฆคลุมยอด Fuji มีแดด และมีหมอก หิมะตกค้างตั้งแต่ตอนกลางคืน คณะนั่งรถชมวิว ถ่ายรูป จนพลบค่ำ จึงกลับไป Check in ที่โรงแรมที่จองไว้และพักผ่อน
ทะเลสาบ Arshinoko


สถานี Togendai ทั้งกระเช้าไฟฟ้า และสถานีรถบัส

ลงรถบัสที่ Gotemba แล้วเดินข้ามทางข้าม ลงมาเป็นสถานี Fujikyu Bus Sta.
ซื้อตั๋วใหม่ที่นี่ไป Kawakugiko



รอรถที่ป้ายนี้ (มีหลายป้าย)
ราคาตั๋วจาก Fujikyu ไป Kawakugiko 1510 เย็น

เจอคนญี่ปุ่นมากับลูกน้อย บนรถบัส กันเองมาก เคยไปเมืองไทย

หน้าโรงแรม Station Inn เมือง Kawakugiko

ภูเขาไฟฟูจิ ถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้ง 5 ที่เรียกกันว่า Fuji Five Lake แต่ทะเลสาบที่เหมาะที่จะเดินทางเพื่อไปชื่นชมภูเขาไฟฟูจิที่สุด ก็คือ Kawaguchiko ทะเลสาบนี้มีชื่อเสียงที่สุดใน 5 ทะเลสาบ จึงได้ขึ้นปกนิตยสารและนำภาพไปทำโปสเตอร์มากที่สุดด้วย จึงทำให้นักท่องเที่ยวอาจจะคุ้นเคยกับภาพทะเลสาบแห่งนี้เคียงคู่กับภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด และล่าสุดในปี พ.ศ. 2256 ที่ผ่านมา ภูเขาไฟฟูจิ เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ทำให้ Kawaguchiko ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาไฟฟูจิได้รับเลือกไปด้วย

สถานีรถไฟ รถบัส อยู่ที่เดียวกัน และอยู่ตรงข้ามโรงแรมที่พัก สะดวกมาก

สถานีรถไฟ มีประชาสัมพันธ์ แหล่งท่องเที่ยว คอยแนะนำนักท่องเที่ยว แจ๋วมากเลย

คณะเรานั่งรถชมวิวกันเอง

สวยตรงไหนก็แวะ


มีของให้เล่นด้วย
คนละสองรอบ พอเจ็บก้น

มันละ ครับ

รวมแก๊ง Action





เหมือนอยู่ในห้องเย็น

แก้หนาวกันหน่อย

ไม่หมดซะที

เด็ก ๆ สนุกสนาน
ไม่ยาวเท่าไร คันนี้

สถานี Kawa.
20 Jan 2015
            ทำธุระส่วนตัวกันแต่เช้ามืด เตรียมตัวเดินทางไกลกันละครับวันนี้ ต้องเดินทางจากภาคกลาง ไป ภาคเหนือของญี่ปุ่น เรียกว่าข้ามเกาะกันเลยทีเดียว ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง Sapporo ประมาณ สามทุ่ม เลยครับ นั่งรถไฟทั้ง Local และ Shinkansen หัวกระสุน ตามตารางตั่วที่พวกเราจองไว้แล้วดังนี้ครับ
             Kawakugiko (07.18)     -     Otsuki (08.20)     
             Otsuki           (09.38)     -     Tokyo (10.53)
             Tokyo           (11.20)     -     Shin Aomori (14.43)
             Shin Aomori (14.51)     -     Hakodate (17.02)
              Hakodate      (17.16)     -    Sapporo (20.49)
          ทั้งหมดนี้ใช้  JR PASS  สำรองที่นั่งไว้ล่วงหน้า มาก่อนหน้าแล้ว (รถไฟญี่ปุ่น ตรงเวลา ร้อยเปอร์เซ็น)
รอรถไฟที่สถานี Kawakugiko 7.18 น. ไป Otsuki โดยใช้ JR Pass แสดงขึ้นได้เลย

ตั๋วที่สำรองไว้ จาก Otsuki to Tokyo


จาก Tokyo to Shin Aomori รถหัวกระสุน Shinkansen

ลงคันโน้น ต่อคันนี้ 5 รอบ กว่าจะถึงที่หมาย



ถึง Sapporo เกือบ สามทุ่ม เดินหาโรงแรม Sun Route เจอนักเรียนไทยที่นี่ช่วยบอกทางให้
 ร.ร.นี้เพิ่งมาจองตอนที่อยู่ Kawakugiko นี่เอง ไม่ได้จองมาจากเมืองไทย เดี๋ยวนี้มี Internet ทำให้รวดเร็วดี


หน้าโรงแรม Sun Route Sapporo

ทั้งเมือง สภาพเป็นอย่างที่เห็น

Sapporo Station
21 Jan 2015
          สาย ๆ คณะ Check out จากโรงแรม Sun Route แล้วเดินมา Check in ที่โรงแรม  North Gate Sapporo ที่จองไว้ผ่านอินเตอร์เน็ตตั้งแต่เมืองไทย กระเป๋าใหญ่ที่ฝาก แมวดำ มาจากโตเกียว ก็มารอที่โรงแรม North Gate นี้เรียบร้อยแล้ว โรงแรมนี้อยู่ทางออกประตูทิศเหนือสถานีฯ ไปทางด้านซ้ายแค่ 200 เมตร
สถานี Sapporo มีทางเข้า ออก ทั้ง 4 ทิศ  แต่โรงแรมที่เราพักอยู่ทางทิศเหนือ

ข้างนอกสถานี Sapporo

ข้างนอกสถานี Sapporo ด้านทิศใต้
            
สภาพบ้านเมือง คลุมไปด้วยหิมะ ระหว่างโดยสารรถไฟไป Noboritsu

ลำคลองเหลือแค่นี้

ป่าไม้ ก็เป็นแบบนี้

รูปปั้นยักษ์ สัญลักษณ์ของเมือง Noboristu
พอลงรถไฟสถานี  Noboristu ต่อรถ บัส สีเขียว Donan Bus

ตั๋วไป กลับ  620 เยน

ลงรถบัสในเมือง ่ชมวิว

บ่อก๊าส กำมะถัน

ก๊าซธรรมชาติพุ่งจากใต้ดิน


ซุ้มประตูวัด

น่าจะเป็นชื่อ สถานที่ท่องเที่ยว หรือชื่อตำบล Jigokudani

สัญลักษณ์  ยักษ์ เมืองนี้

เติมพลังกันตรงนี้เลย

หุบเขานรก JigokuDani Hell Valley


ที่เรียกหุบเขานรก เพราะมี บ่อกำมะถัน รอบหุบเขา

หุบเขานรก

หิมะ กับ ใบไม้

แหล่งท่องเที่ยวที่แปลกตา

มีทางเดินทอดยาวเข้าไปในหุบ

ขากลับเดินย้อนเข้ามายังในเมือง ก่อนขึ้นรถบัสกลับสถานีรถไฟ


วิวในเมือง
 
22 Jan 2015
          ช่วงเช้า  จาก Sapporo นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kunchan ต่อรถ บัสไป เที่ยวดูเล่นสกีที่ Niseki Ski Resort แวะกินอาหารที่นี่ ลงถ่ายรูป เดินเล่นที่เมืองนี้ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่มาจากยุโรป มาเล่นสกีกันที่ นี่
         ช่วงบ่าย ไปเที่ยวคลอง Otaru ที่มีชื่อเสียงของ Sapporo

วิวข้างทาง

ระหว่างเดินทาง บนรถไฟ

อุปกรณ์โกยหิมะ

เจ้าหน้าที่โกยกันตลอด

อุปกรณ์หนัก ดูแลรางรถไฟ

นั่งรถบัสไปสกรีรีสอร์ท

อาหารกลางวันที่ Niseki Ski Resort อร่อยมาก ขอแนะนำอย่าพลาด

สถานีลงรถบัสที่ Niseki Ski Resort

ลานสกี
มีโรงเรียน สอนเล่นสกี


ด้านในมีร้านอาหาร อร่อยมาก

ลานเล่นสกี

ลานเล่นสกี










ขากลับ เดินลงมาจากลานสกี เข้ามาชมตัวเมือง



เดินเล่นในเมือง

มีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อน เล่นสกี กัน







ที่คลอง Otaru

คลองโอตารุ




คลองโอตารุ
23 Jan 2015
          นั่งรถไฟเที่ยวเช้า 7.21รถไฟ มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปอีก จาก Sapporo ไป Abashiri แต่แวะลงกลางทางที่เมือง Asashikawa แต่เกิดเหตุสมาชิกเรา  1 คน ทำ JR Pass หายเลยต้องไปรถไฟเที่ยว 8.30 น. ถึง 10.25 น. แวะเที่ยวสวนสัตว์ ฤดูหนาวของเมืองนี้ โดยนั่งรถ Bus ไปสุดสาย ซื้อบัตรเดินเที่ยวสวนสัตว์ แล้วจึงกลับมาที่สถานีรถไฟ โดยสารรถไฟไป Abashiri เที่ยว 16.42 น. รถมาถึง Abashiri เมืองทางเหนือติดทะเล ทางเกาะเหนือของญี่ปุ่น เวลา 20.37 น. เข้า Check in โรงแรม Abasiri Toyoko-Inn.com ตรงข้ามสถานีรถไฟ

แวะเที่ยวสวนสัตว์ฤดูหนาวที่เมือง Asashikawa

บริเวณภายในสวนสัตว์ฤดูหนาว

Asashiyama Zoo สวนสัตว์ฤดูหนาว

เดินชมสัตว์

เพนควิ้น จักพรรดิ์ กำลังหลับ

หลายตัว อาบแดด

เดินเล่น

หมีขาวขั้วโลก


ว่ายน้ำโชว์


หมีแพนด้าแดง


สุนัขจิ้งจอก

จิ้งจอก อยู่กันเป็นฝูง

ประเภทกวาง

ภายในสวนสัตว์ เต็มไปด้วยหิมะ

ประเภทนก

เค้าแมว
ลิง นั่งเบียดกัน แก้หนาว



แมวน้

มี Show เพนควิ้น เดินพาเหรด

ชมอย่างใกล้ชิด


นางงามตู้กระจก แมวน้ำ

มาถึง Abashiri สามทุ่ม โรงแรมที่จอง อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ
24 Jan 2015
          ตอนเช้าจองการล่องเรือทะเลน้ำแข็งไว้เที่ยว 9.00 น. แต่เนื่องจากหิมะตกมากเลยงดเที่ยวนี้ต้องเลื่อนไปรอบ 11.00 น. มีเวลาเดินชมเมืองรอบ ๆ โรงแรมที่พัก ที่เต็มไปด้วยหิมะ กลับมาขึ้นรถบัสที่หน้าโรงแรม ค่ารถ 200 เยน ไปสุดสายที่ท่าเรือ ซื้อตั๋วลงเรือ คนละประมาณ 800 บาท ล่องเรือตัดทะเลน้ำแข็ง 40 นาที กลับมาช่วงบ่ายนั่งรถไฟกลับ Sapporo เที่ยว 13.29 น. ถึง 18.37 น. Check in ที่โรงแรมเดิม North Gate Sapporo Hotel
โรงแรมที่พักเมือง Abashiri

โต้ความหนาวกันหน่อย



เดินเล่นชมเมือง Abashiri

แต่ละบ้านต้องมีเครื่องมือโกยหิมะ เปิดทางเข้าบ้าน


เครื่องมือหนัก

ภายในเรือ อุ่นหน่อย

ทะเล เป็นน้ำแข็ง

ทะเลน้ำแข็งที่เรือตัดผ่าน


ออกมาถ่ายรูปกันบนดาดฟ้าเรือ สุดหนาว








ขึ้นจากเรื่อ


รอรถบัสที่ท่าเรือ กลับโรงแรม



ตารางราคารถไฟใต้ดิน

เครื่องขายตั๋วอัตโนมัต

ไปชมโรงงาน Chocolate Sapporo


มีมุมให้ถ่ายรูป







หอนาฬิกา Sapporo  บริเวณที่จัดงานแกะสลักน้ำแข็ง
ตอนที่คณะเรามา งานยังไม่มี
25 Jan 2015
          เช้า เก็บกระเป๋าใบใหญ่เตรียมส่ง Baggage Delivery Service ของ บ.แมวดำ และโชคดีที่ไม่ต้องลากกระเป๋าไปที่ Shop ของแมวดำ เพราะที่โรงแรม North Gate ที่เราพักมีบริการให้เรียบร้อย เพียงขอแบบฟอร์มมากรอกรายละเอียดที่เราจะส่งกระเป๋าไปคือที่  Khaosan Asakusa Hostel Tokyo ทางโรงแรมจัดการให้เรียบร้อย จากนั้นคณะเราไปเที่ยวโดยซื้อตั๋ว 1 day นั่งรถเที่ยว ไปชมเมืองและ Shopping รอรถออกช่วง สี่ทุ่มกว่า กลับ Tokyo และต่อรถไป Nagoya และ Takayama ถึง ปลายทางที่ Takayama 15.06 น.
          ตารางเวลาจาก Sapporo ถึง Takayama
               Sapporo (22.00)         to     Amori         (05.39)
               Amori    (05.45)         to     Shin Amori (05.55)
               Shin Amori (06.17)    to     Tokyo          (09.35)
               Tokyo    (10.33)         to      Nagoya        (12.17)
                Nagoya (12.48)         to      Takayama   (15.06)
          รถไฟในญี่ปุ่นเวลาต้องเป๊ะมาก เพราะมีผลต่อเที่ยวที่เราจะไปขึ้นขบวนต่อไปมาก

รถ Shinkansen  เมื่อจอดสถานี Tokyo จะมีพนักงานถือถุง คอยรับขยะจากผู้โดยสาร เป็นระยะ
นั่นนะสิ ญี่ปุ่นถึงเป็นเมืองสะอาดจัง
รถไฟหัวจรวด Shinkansen กำลังจะขึ้นไป Nagoya

รอรถไป Nagoya รถทุกขบวน ตรงเวลามาก ไม่มีคลาดเคลื่อน

บน Shinkansen มีพนักงาน เข็นของจำหน่าย

พอรถจอดสุดสาย จะมีพนักงานรีบมาเปลี่ยนผ้ารองพนักพิง สะอาดสุดๆ

ต่อรถไฟที่ Nagoya ไปลงที่สถานี Takayama อยู่ทางทิศตะวันตกของกรุง Tokyo

โรงแรมที่จองไว้ ที่ Takayama ก็อยู่ตรงข้าม สถานี้รถไฟ (Country  Takayama Hotel)

จองตั๋วรถบัสไปเทียวหมู่บ้าน Shirakawago ที่สถานีนี้ไว้ก่อน

เมือง Takayama อยู่ทางตะวันตก ของญี่ปุ่น ประกอบกับอยู่บนที่สูง มีหิมะตกตลอด
27 Jan 2015
          จองรถบัสเที่ยวเช้าไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนลงรถไฟ เที่ยว 7.50 น.ไปลงที่สถานี Shirakawago ใช้เวลา 50 นาที เป็นหมู่บ้านมรดกโลก สวยงาม เดินเที่ยวและกลับรถเที่ยว 12.15 เพื่อมาต่อรถไฟกลับโตเกียว ผ่าน นาโกย่า เส้นทางเดิม
          ที่โตเกียว พักที่โรงแรมเดิมที่เราเคยพักตอนวันแรก คือ Khaosan World Asakusa Hostel กระเป๋าใบใหญ่ที่ใช้บริการของแมวดำ ก็มาถึงที่โรงแรมนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ที่ หมู่บ้านมรดกโลก Shirakawago

บัสที่พาเรามา Shirakawago
Shirakawago บ้านแต่ละหลังยังมุงด้วยหญ้า แบบสมัยโบราณ สวยงามนาชม

Shirakawago ถ่ายเป็นฉากหลังได้งามนัก

ที่ Shirakawago


Shirakawago

สะพานข้ามแม่น้ำที่ Shirakawago

บ้านทรงโบราณ Shirakawago

สวยประทับใจ


มารับแขกหน่อย


เอาหิมะลง

ทางขึ้นเขา ชมวิวค่ะ



สวยเกินบรรยาย




เชิญมาเที่ยว Shirakawago ,Takayama จ้า
28 Jan 2015
          พักที่โตเกียวสองคืนสุดท้าย เก็บตกสถานที่ และช๊อป ก่อนเดินทางกลับบ้านเมืองไทย
         
มาใช้บริการส่งกระเป๋าใบใหญ่ที่ แมวดำ Baggage Delivery Service Shop ย่าน Asakusa ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ส่งไปที่สนามบิน นาริตะ



บริการรถลาก

ย่าน วัด Asakusa

คุณครูพานักเรียนประถม ศึกษาดูงานนอกสถานที่

บรรยายความเป็นมา

มีรถลาก บริการนักท่องเที่ยว

เพิ่มคำอธิบายภาพ

วัด Asakusa

 วัดอาซากุสะ มีชื่อเดิมว่า วัดเซ็นโซจิ เป็นวัดพุทธโบราณ แต่ที่เรียกกันติดปากว่า วัดอาซากุสะ เพราะตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ มีเรื่องเล่าว่าก่อนจะมีการสร้างวัด มีพี่น้องคู่หนึ่งไปเจอรูปปั้นคันนน ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาในแม่น้ำสุมิดะ และแม้ว่าทั้งคู่จะนำรูปปั้นนี้กลับทิ้งแม่น้ำอีกสักกี่ครั้ง ก็จะมีเหตุให้รูปปั้นกลับมาอยู่ในมือของคนทั้งสองเสมอ จึงมีการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการสักการะบูชาเทพเจ้าคันนน ต่อมาจึงมีการสร้างเป็นวัด เมื่อปี ค.ศ. 628 และสร้างเสร็จในปี 645



ตั๋วรถใต้ดิน 1 day

Sky Tree หอกรุงโตเกียว ไม่มีเวลาขึ้นไปชม


Meiji Jingu, Harajuku
ที่ตั้ง : ย่านฮาราจูกุ, เขตชิบูย่า, โตเกียว
เปิด-ปิด : ทุกวัน 05.00-18.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / โปรดเช็คเวลาที่แน่นอนของแต่ละเดือนอีกครั้งหนึ่ง) / สำหรับวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี เปิดตลอด 24 ชม.
วิธีเดินทาง :
>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียวเข้ม) / สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี C03/F15-Meiji-Jingumae ทางออก 2
>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Harajuku ทางออก Omote-sando Exit

ศาลเจ้า Meiji

ศาลเจ้า  Meiji
ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu / Meiji Shrine) นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโซเค (Empress Shoken) ภายหลังจากที่ทั้งสองพระองค์นั้นสวรรคต ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1920 โดยการร่วมมือของประชาชนทั่วญี่ปุ่นที่ช่วยกันบริจาคต้นไม้กว่า 100,000 ต้น เพื่อสร้างป่าแห่งนี้ขึ้น ศาลเจ้าเมจินั้นเป็นศาสนสถานในศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาเก่าแก่และดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายอย่างหนัก ศาลเจ้าปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราวปี ค.ศ.1958 ด้วยงบประมาณที่เกิดจากการระดมทุนสาธารณะอีกครั้งนั่นเอง

ศาลเจ้า  Meiji

ร้าน ราเม็ง ย่าน Harajuku

ย่าน Harajuku

กินราเม็ง

ที่สนามบิน นาริตะก่อนขึ้นเครื่องกลับ
  
 29 Jan 2015
           สาย ๆ เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม ไปช๊อปกันสุดท้ายที่ตลาด Ueno อีกรอบ เสร็จแล้วไปสนามบิน Narita Terminal 1 ขึ้นเครื่องกลับไทย TG 677 เวลา 17.30 น. ขากลับนี้โชคดี ได้นั่งเป็นเครื่องลำใหญ่ล่าสุดของการบินไทย Air bus A380 ถึงเมืองไทย 22.00 น.