4/26/2558

คาราวาน พม่า

ทริปคาราวานประเทศในอาเซี่ยน ตอน พม่า (Myanmar)
          มิงกาลาบา บันทึกการเดินทาง ขับรถคาราวานคราวนี้ ไปร่วมทริปกับคณะของ IZU Caravan ครั้งที่ 10 จำนวน 5 คืน 6 วัน ค่าใช้จ่ายคนละ 22,800 บาท ค่ารถคันละ 6,500 บาท มีค่าวีซ่า ค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ฯลฯ  มีรถร่วมเดินทาง 10 คัน สมาชิกคาราวานรวมทั้งสิ้น 30 คน
          1. พักที่ อำเภอแม่สอด จ.ตาก 1 คืน 12 เม.ย. 58
          2. พักที่ Mountain Top Hotel บนเขา ติดกับพระธาตุอินแขวน 1 ตืน 13 เม.ย. 58
          3. พักที่ New Ayeyar Hotel เมือง ย่างกุ้ง 2 คืน 14-15 เม.ย. 58
          4. พักที่ Attran Hotel เมือง มะละแหม่ง 1 คืน 16 เม.ย.58
          5. พักที่ Mawlamyaing Strand Hotel 1 คืน 17 เม.ย.58
          6. พักที่ รีสอร์ทใน จังหวัด กำแพงเพชร 1 คืน 18 เม.ย. 58
ระยะทางที่ขับรถในพม่าประมาณ 1,300 ก.ม. ไม่ไกลมาก โดยที่ย่างกุ้ง ต้องใช้รถบัส ที่ทางทีมงานจัดหาไว้ให้ เนื่องจากในตัวเมืองมีรถหนาแน่น และหาที่จอดยาก สำหรับขบวนคาราวาน ทริปพม่าคราวนี้ เป็นการเที่ยวชมศิลปะ วัด เป็นส่วนใหญ่ ได้เห็น ขนมธรรมเนียมประเพณีของชาวพม่า โดยเฉพาะเป็นช่วงสงกรานต์พอดี

12 เม.ย. 58
         ขับรถจากเพชรบุรี ตั้งแต่เช้ามืด แวะพักไปตลอดทาง ไปถึงโรงแรมบ้านรักษาสุขรีสอร์ท อ.แม่สอด จ.ตาก ประมาณ บ่ายสามโมงเย็น เตรียมพร้อมรถยนต์ ติดสติกเกอร์ ไปเที่ยวตลาดนัดด่านชายแดนที่แม่สอด กินอาหารเย็นแล้วกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม
         
เส้นทางจากด่าน อ.แม่สอด ผ่านเมือง เมียวดีของพม่า ค้างที่พระธาตุอินแขวน ต่อไปถึงเมืองหลวงย่างกุ้ง กลับทางเดิม ออกทางเมาะลำเลิง แล้วกลับเข้าด่านที่แม่สอด
12 เม.ย. รวมตัวกันที่ บ้านรักษาสุข รีสอร์ท อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
เตรียมความพร้อม รถ คน
 
13 เม.ย. 58
            จากที่พักถึงที่ทำการด่านชายแดน อ.แม่สอด ประมาณ 5 กม. เวลา 8.00 น. คณะคาราวานพร้อมกันที่หน้าด่าน ทำพิธีตรวจคนเข้าเมือง ทั้งทางฝั่งไทย และฝั่งพม่า ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า จากนั้นขับรถผ่านไปทางเมืองเมียวดี ไปทางเมือง Kawkareik ช่วงแรกเป็นภูเขาสูง รถเดินทางเดียว วันคี่ (13 เม.ย.) ระยะทาง 40 ก.ม. ทางการพม่ากำลังตัดเส้นทางใหม่ ใกล้เปิดใช้งานแล้ว สามารถเดินทางทั้งไป และกลับ โดยไม่ต้องปิด วันคี่ วันคู่ และย่นระยะทาง และเวลาได้พอสมควร คณะขับรถผ่านไปในรัฐมอญ เมืองมะละแหม่ง และเมาะตะมะ มุ่งหน้าไป Kyaikhteeyoe หรือที่พระธาตุอินแขวน รวมระยะทางจากด่านเมียวดี ประมาณ 300 ก.ม. ถนน Hiway ของพม่า เป็นถนนเส้นเดียว สวนทางกัน ยกเว้นเวลาเช้าเมือง เป็นสองเลนบ้าง ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 100 ก.ม./ช.ม. คณะคาราวานขับรถมาถึงพระธาตุอินแขวนซึ่งอยู่บนภูเขาเวลาประมาณ 18.30 น.
คณะคาราวาน เตรียมออกเดินทาง
สมาชิกรถ 04 และ 05
กำลังเข้าด่าน ที่เมือง เมียวดี ของพม่า อยู่ดิดกับด่านแม่สอดของไทย
ในวันที่ 13 เม.ย. มีคณะคาราวาน ของทีมเปิดเลนท์ส่องโลก ไปอีกคณะหนึ่ง ออกจากด่านพร้อมกัน

          สภาพเส้นทาง ระหว่างเมืองเมียวดีไปเมือง Kawkareik ระยะทาง ประมาณ 40 กม. เป็นภูเขาสูง รถวิ่งทางเดียว ไม่มีสวนค้น โดยจะวิ่งสลับวันกันคือ วิ่งไป วันคี่และ วิ่งกลับวันคู่ เนื่องจากทางแคบมาก อันตรายถ้าสวนกันบนยอดเขา

ทางแคบ และเป็นเขาสูงชัน





รถต้องวิ่งตามกันไป เพื่อความปลอดภัย ไม่มีสวนกัน หรือแซงกัน


ด้านข้างเป็นเหวลึก

รถเล็กพอสวนได้ รถบรรทุกใหญ่ หมดสิทธิ์ ดังนั้นทางการพม่าจึงกำหนดให้วิ่งทางเดียว วันคี่ และ วันคู่



รถประจำทาง ชาวบ้าน





สองแถว  แถวบน กับแถวล่าง คุ้มจริง ๆ

ผ่านเมือง Kawkareik มาแล้วเป็นพื้นราบ

บางช่วงผ่านสะพาน

สะพานแขวน

สังเกตุว่าทางขึ้น และ ลง สะพานทุกแห่งจะมีด่านรักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่คอยเก็บค่าผ่านทาง เกือบทุกสะพาน

วงเวียน

ระหว่างทาง มีชาวบ้านตั้งเวที งานสงกรานต์

คณะคาราวานจอดรถไว้ด้านล่าง เปลี่ยนขึ้นรถบรรทุกเล็ก 6 ล้อ ขึ้นไปนอนบนโรงแรมที่อยู่ด้านบน ใกล้พระธาตุอินแขวน

มาถึงโรงแรม Mountain Top เตรียม เช็คอิน

แวะไหว้พระที่ศาลก่อนทางขึ้นพระธาตุอินแขวน
หลังจาก Check In แล้ว เดินขึ้นเขาอีก 300 เมตร ไปนมัสการพระธาตุฯ


กลางคืนเวลาประมาณสองทุ่มกว่า ประชาชนล้นหลาม มานมัสการพระธาตุ บ้างก็มานอน และสวดมนต์ขอพรกันทั้งคืน

บริเวณพระธาตุอินแขวน ประชาชนเนืองแน่นทั้งคืน

          พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจทีโย (Kyaikhtiyo) ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี พระธาตุอินทร์แขวนตั้งอยู่ที่เมืองไจโท (Kyaikto) อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า บนยอดเขาพวงลวง เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต


หนุ่มไทย กับ สาว ๆ พม่า
14 เม.ย. 58
          คณะคาราวานตื่นกันแต่เช้า บ้างก็เดินไปนมัสการพระธาตุอินแขวนตอนเช้า บ้างก็เก็บของ Check out เตรียมออกเดินทางกลับลงไปด้านล่าง เพื่อไปขึ้นรถของพวกเราที่จอดฝากไว้ที่จอดรถด้านล่าง แล้วเดินทางต่อไป จุดมุ่งหมายคือเมืองย่างกุ้ง เมืองหลวงของพม่า คณะขับรถผ่านไปทางเมือง บาโก (พะโค) หรือหงสาวดี แวะนมัสการ ไหว้พระขอพรตามวัด และเจดีย์ ของหงสาวดี คณะมาถึงเมืองหลวง (ย่างกุ้ง) เข้าพักที่โรงแรมชื่อ New Ayeeyar Hotel พลบค่ำพอดี รวมระยะทางจากพระธาตุอินแขวนถึงย่างกุ้งประมาณ 260 ก.ม. คณะเราพักอยู่ที่โรงแรมนี้ สองคืน
วิว จากหน้าต่างโรงแรมที่พัก Moumtain top hotel


ยามเช้า ชาวบ้านที่นอนบนพระธาตุเมื่อคืน ทยอยกันลงไป

ยามเช้า

วิวบนยอดเขา

ร่วมกันทำบุญ ตักบาตรพระ



พวกเก่าก็ทยอยกลับ พวกใหม่ก็ทยอยมา


เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ศรัทธา

ชาวพุทธ


ส่วนยอดของพระธาตุอินแขวน


ทางขึ้นศาสนาสถาน ต้องถอดรองเท้า

ประชาชนเดินทางกันขวักไขว่ ช่วงเทศกาล

เครื่องเป่า เล่นสงกรานต์ มีมาวางขายข้างทาง


พระธาตุองค์จริงที่มองเห็นไกล ๆ ด้านหลัง

ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปปิดทองที่องค์พระธาตุ มีรั้ว ล้อมรอบ

กลับมารอรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

หน้าโรงแรมที่พัก

ทำบุญตลอดทางที่เดินมาขึ้นรถ เพื่อจะลงเขา

ร้านขายของข้างทาง
ขณะเดินจากโรงแรมที่พักไปขี้นรถ ลงเขา ประชาชนส่วนหนึ่งกำลังเดินสวนขึ้นไปไหว้พระธาตุ


ใครที่เดินไม่ไหว ก็นั่งเสลี่ยง

ขบวนพระรับบาตร


ไม่ต้องเดินครับ

แม่ชีน้อย แม่ชีพม่าชุดสีชมพู

 

คณะเรายืนรอรถมารับ

รถบรรทุก 6 ล้อเล็ก นั่งได้คันละประมาณ 30 คน

นั่งกันแบบนี้ละครับ เป็นรถของ บริษัทในท้องถิ่นแต่อยู่ในความควบคุมของรัฐบาลพม่า

ฤษี ก็ยังมีให้เห็น





รอรถ
มีบันไดมาเทียบ เพื่อขึ้นรถ
คนไทยเรียกรถขนหมู

เป็นรถเก่าจากญี่ปุ่น แต่อยู่ในสภาพดี เบรคเยี่ยม

ทางขึ้น ลง ลาด และชันมาก บางช่วง สวนกันไม่ได้ ต้องรอหลีกกัน


หลังคาเปิดโล่ง  โดนน้ำสงกรานต์ กันเต็ม ๆ

เปียกทั้งตัวครับ

บนรถขนหมู  เอ้ย รถของคณะคาราวาน IZU พอดี 1 คันรถ

กลับลงมาตีนเขาอย่างปลอดภัย ระยะทางประมาณ 12 ก.ม. มีเปียกกันเล็กน้อย

เหมือนนั่งรถไฟ สวนสนุก


ขับรถคาราวานต่อ มีเล่นน้ำสงกรานต์ตลอดทาง

คาราวานพักรถ

บ้างถือโอกาสเติมน้ำมันสำรองที่เตรียมมา
ดีเซลที่พม่าถูกกว่าไทย ประมาณ 4 บาท

ไปตรงไหนก็เจอแต่น้ำ คนหนุ่มสาวเล่นน้ำกันน่ารักมาก

ให้เกียรติ คณะคาราวานเป็นอย่างดี หลีกทางให้คณะคาราวานิ่งผ่านไปได้โดยสะดวก

บ้างช่วงผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ

แม่น้ำแต่ละแห่งกว้างมาก เช่นแม่น้ำจั้ย แม่น้ำสาละวิน แม่น้ำสะโตง

ที่เห็นเป็นคลองนะครับ กว้างมาก

แวะอาหารกลางวันที่เมืองบาโก (พะโค) หรือ หงสาวดี

 

รถในคณะคาราวานคันหนึ่งเกิดมีปัญหาระบบเกียร์ เจ้าของร้านอาหาร(นุ่งโสร่ง) มาอำนวยความสะดวก ติดต่อช่างมาแก้ไขให้
เกียร์ชำรุด ต้องจ้างช่างท้องถิ่นดูแลให้

เที่ยวชมเจดีย์ สำคํญในเมืองหงสาวดี


          พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ (Shwemawdaw Paya, ) เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค (หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีชื่อเรียกในภาษาพม่าและคนไทยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน" ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด ทั้งนี้เนื่องจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอนั้นเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในพม่า
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ใช้เป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้ [1]เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สามารถยึดพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ ในรัชกาลต่อมา คือ พระเจ้าบุเรงนองได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาธาตุสูงขึ้นอีกหลายเท่า และทรงถอดมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชาสูงสุด อีกทั้งกล่าวกันว่าก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคก็ได้เสด็จมานมัสการด้วย
ในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2473 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนพระมหาธาตุได้พังทลายลงมา หลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะ แต่ซากพระมหาธาตุองค์เดิมก็ได้มีการจัดแสดงไว้ในที่เดิม



ไกด์เล่าประวัติ

ไหว้พระ ขอพร รอบ ๆ เจดีย์



มีพระพุทธรูปให้เข้าไปสักการะ ทั้งสี่ทิศ รอบเจดีย์

ตนไทยเรียกพระธาตุ มุเตา
พระประจำทิศทั้งสี่ ขององค์พระธาตุ


เดินกันครบรอบองค์เจดีย์

พระนอนยิ้มหวาน เมืองหงสาวดี (คนไทยตั้งชื่อให้)

พระพุทธไสยาสน์ชเตาเลียว
            เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของเมืองหงสาวดี รองจากพระมหาธาตุมุเตา และเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีความยาว 181 ฟุต สูง 50 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ พ.ศ.1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกัน เล่าขานว่าเป็นพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ด้านหลังพระองค์มีภาพวาดเล่าขานตำนานว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรัก ถึงกับพากลับเข้าวัง แต่สาวเจ้าอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชากริ้วมาก ถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงก็ขอให้นางแคล้วคลาด ปรากฏว่าเชือกขาดโดยพลัน ขณะที่รูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาถึงกับทรงหันกลับมานับถือพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพะพุทธไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติ
หลังจากที่พระเจ้าอลองพญาทรงปราบมอญราบคาบ เมืองหงสาวดีก็ถูกทิ้งร้าง พระพุทธไสยาสน์ไม่ได้รับการดูแลจนกลายเป็นกองอิฐจมอยู่ในโคกดิน จนถึงปี พ.ศ.2424 เมื่ออังกฤษสร้างทางรถไฟสายพม่า จึงขุดพบพระนอนองค์นี้ จากนั้นปี พ.ศ.2491 หลังจากพม่าได้รับเอกราช ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างจริงจัง และได้ทาสีและปิดทองลงชาดใหม่ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ขายของพื้นเมือง ข้าง ๆ องค์พระนอน





รอบ ๆ เจดีย์

สายยาง อุปกรณ์เล่นน้ำสงกรานต์ ตามเวทีข้างทาง

ด้านในเวที เตรียมฉีด


15 เม.ย. 58
         วันนี้ยังเป็นวันหยุดของพม่าเหมือนเมืองไทย ร้านค้า แหล่งช๊อปปิ้ง ปิดหมด สถานที่ราชการปิดทำการ คณะคาราวานทั้งหมดจอดรถไว้ที่โรงแรม นั่งรถ Bus เที่ยวชมเมือง ชมการเล่นสงกรานต์ของชาวพม่า รอบ ๆ เมืองย่างกุ้ง และไปไหว้พระของพรตามวัด เจดีย์สำคัญของเมือง ช่วงเย็นจึงไปไหว้พระที่มหาเจดีย์สำคัญชเวดากอง
เข้าไปด้านในเจีดีย์ นมัสการพระธาตุ

ไหว้พระเกศาธาตุที่เจดีย์โบตาทาวน์ ย่างกุ้ง
เจดีย์โบตาทาวน์ แปลว่า เจดีย์นายทหาร 1,000 นาย หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของพม่า เพื่อขอพรเทพทันใจ และเทพกระซิบ



ชาวพม่า ศรัทธาเหนี่ยวแน่นในพุทธศาสนา

บ้างก็มาสวดมนต์กันทั้งวันทั้งคืน





เทพทันใจ หรือ นัตโบโบยี 
          ซึ่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำด้านข้างของเจดีย์โบตาทาวน์ ชาวพม่ามีความเชื่อกันว่า ไม่ว่าจะสร้างเจดีย์ใดๆ ที่ไหนก็ตาม จะต้องมีเทพคอยคุ้มครองดูแลเจดีย์ ซึ่งเจดีย์แห่งนี้ ก็มีเทพทันใจคอยคุ้มครอง เชื่อกันว่าจะทำให้สมปรารถนารวดเร็วทันใจ สมกับคำว่า เทพทันใจ นั่นเอง
วิธีขอพรจากเทพทันใจ
          การสักการะเทพทันใจ จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการเรื่องของสักการะอยู่ด้านหน้าของวัด ซึ่งจะประกอบไปด้วยมะพร้าว กล้วย ใบชนะ ผ้าคล้องคอ ร่มฉัตรกระดาษ ดอกไม้ พร้อมทั้งธนบัตรจำนวน 2 ใบ ให้ม้วนธนบัตรเป็นรูปกรวย สอดไปในมือของเทพทันใจ จากนั้นนำหน้าผากของเราไปแตะชิดที่นิ้วชี้ของเทพทันใจที่ชี้มา พร้อมอธิษฐาน ให้อธิษฐานได้เพียงข้อเดียวเท่านั้นถึงจะสัมฤทธิ์ผล เสร็จแล้วจึงดึงนำธนบัตรออกมา 1 ใบ เพื่อเก็บไว้เป็นสิริมงคล จากนั้นเดินจับรูปปั้นเทพทันใจรอบๆ  รวมถึงจับไม้เท้าท่านด้วย แล้วคนทำพิธีจะให้ใบชนะแก่เรา และให้เรานำผ้าไปคล้องคอเทพทันใจ เป็นอันเสร็จพิธี



เครื่องเส้นไหว้ เพื่อขอพร ประกอบด้วย มะพร้าว กล้วย ดอกไม้ ธูป เที่ยน

สงน้ำพระ รอบ ๆ เจดีย์

บรรยากาศ สงกรานต์ บนถนนในพม่า

นั่งรถแบบนี้ วิ่งไปตามที่ต่าง ๆ ให้คนอยู่บนถนน สาดน้ำ  ก็น่ารักดี

ส่วนใหญ่ใช้ปั้มน้ำฉีดใส่กัน
กลางเมืองย่างกุ้ง

สนุกกันเต็มที่ ห้าวันเต็ม ๆ

มีคุณตำรวจคอยดูแล

เป็นขบวน

เต็มที่ แต่ก็ไม่มีกระทบกระทั่งกันนะ

มดเอ๊ก ก็มากับเขาด้วย





วัดพระนอนเจ้าทัดจี พระตาหวาน (CHAUK HTAT GYI)
          พระพุทธไสยาสน์เจ้าทัดจี หรือ พระตาหวาน มีความยาว 65 เมตร นอนตะแคงขวา (ส่วนขวาของร่างกายติดกับพื้น ) ฝ่าพระบาทมีลายมงคล 108 แสดงความเป็นมหาบุรุษ พระนอนองค์ปัจจุบันสร้างเมื่อ พ.ศ. 2509 แทนองค์เดิมที่ชำรุดเสียหายที่เรียกว่าพระตาหวาน เนื่องจากทางวัดได้ให้ช่างระบายสีองค์พระใหม่ตลอดเวลาโดยเฉพาะที่พระพักตร์ ทาสีขาวแต้มสีแดงที่พระโอษฐ์ และระบายที่ฟ้าที่เปลือกพระเนตร ทำไห้มีดวงตาที่สวยงามเรียกว่าพระตาหวาน เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว สั่งผลิตมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะรวมไปถึงพระจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ ด้านหน้าวัดก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย

พระนอนตาหวาน

ชาวบ้านมานั่งสวดมนต์





ช้างเผือกที่พม่า ปัจจุบันมี 9 เชื่อก อยู่ย่างกุ้ง 3 เชือก ที่เหลือไปอยู่ที่ เนปิดอ เมืองหลวงใหม่



ร้านอาหาร อยู่ตรงข้ามบ้านนางอองซาน

ถ่ายจากหน้าต่างโรงแรมที่พัก New AyeYar Hotel ในย่างกุ้ง


สงกรานต์ชุ่มฉ่ำ



ที่เจดีย์ ชเวดากอง

มิสเตอร์อ่อง ไกด์ ชาวพม่า

อธิบายขั้นตอนการสักการะมหาเจดีย์ ชเวดากอง

รอบ ๆ เจดีย์ ชเวดากอง




พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง
          ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยชื่อ "ชเว" หมายถึง ทอง "ดากอง" นั้นเป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น บนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ 76 กะรัต และทับทิม 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดใหญ่อยู่ตรงกลาง เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ [1] ผู้ที่เข้ามานมัสการหรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้ง


แม่ชีพม่า











16 เม.ย. 58ริ
          คณะคาราวา Check out ออกจากโรงแรม  7.00 น. ขับรถไปเมืองสิเรียม  อยู่ติดทะเล ออกไปทางทิศใต้ของย่างกุ้งราว 30 กม. ไปไหว้พระกลางน้ำ เสร็จแล้วกลับมากินข้าวกลางวันที่ย่างกุ้ง แล้วเดินทางต่อกลับลงมาเมืองเมาะละแหม่ง ตลอดทางชาวพม่าเล่นน้ำสงกรานต์ ระยะทางราว 260 กม. ใช้เวลา 6 ชม. พักค้างคืนที่เมาะละแหม่งนี้ 2 คืน คืนวันที่ 16 เม.ย. พักที่ Attran Hotel และคืนวันที่ 17 เม.ย พักที่ Mawlamyine Strand Hotel ซึ่งทั้งสองโรงแรมเองก็อยู่ใกล้ ๆ กัน ริมแม่น้ำสาละวิน
พระธาตุกลางน้ำ

เกาะกลางน้ำ

แถวนี้นก กา มาก

ลงเรือข้ามไป


คณะคาราวาน รอลงเรือ สองเที่ยว

กัปตัน เรือ

ขึ้นฝั่ง สังเกตุ เท้าเปล่า ตั้งแต่ก่อนลงเรือแล้ว

ไหว้พระอุปคุต ท่านดูแลทางน้ำ

ศาลเจ้าที่่

เด็ก ๆ ชาวพม่า มารอรับแจกขนม

คล้ายร้านไก่ย่างห้าดาวของไทย แต่ที่พม่าเป็น เป็ดย่าง



ระหว่างเดินทางกลับ มาที่เมืองมะละแหม่ง หรือ เมาะลำใย (Mawlamyine)




โรงแรมที่พัก
17 เม.ย. 58
        ไปไหว้พระธาตุที่อยู่บนเขาของเมืองเมาะละแหม่ง กลับมา check out จากโรงแรม Attran ย้ายไป check in ที่ Mawlamyine hotel หลังจากกินข้าวกลางวันแล้ว ขับรถฝ่าฝูงชนเล่นน้ำสกรานต์ไปไหว้พระกลางน้ำ(ติดทะเล) และชายหาดของเมาะละแหม่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไป 60 กม. กลับเข้าที่พักประมาณ 20.00 น. รับอาหารเย็นที่โรงแรม แล้วแยกย้ายกันพักผ่อน
โรงแรมตั้งอยู่ริมแม่น้ำสาละวิน เมืองเมาะลำเลิง หรือเมาะลำใย


ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำลาละวิน เป็นเมืองเมาะตะมะ

จุดชมวิว บนเขาเมืองมะละแหม่ง

มาเจอขบวนคาราวานทีม เปิดเลนท์ ส่องโลก อีกครั้ง 


พระในวิหาร




สักการะเจดีย์ไจ๊ตะหลั่น
มาถึงเมืองหลวงของรัฐมอญก็ต้องไปสักการะเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์สูงสุดประจำรัฐ เจดีย์ไจ๊ตะหลั่นตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นทุกมุมเมืองมะละแหม่งได้เด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นสะพาน Than Lwin หรือสะพานข้ามแม่น้ำสาละวิน เส้นโลหิตสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวมอญและพม่า บ้านเรือน วัดวา และโบสถ์ต่างๆ ตลอดจนคุกสไตล์โคโลเนียล นับเป็นจุดชมวิวซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะขึ้นมารอชมภาพอาทิตย์ลับฟ้าเหนือลุ่มน้ำสาละวิน

กราบขอพรหลวงพ่อที่วัด


ร่วมกันทำบุญ


ไหว้พระเขี้ยวแก้ว
ไม้แกะสลักในวัด

แกะเป็นรูปตำนานในพุทธศาสนา

หน้ามหาวิทยาลัย เมาะละแหม่ง

เบรคกากาแฟ น้ำ ผ้าเย็น

พักรถ พักคน


เล่นน้ำตลอดทาง ทุกชุมชน ทุกหมู่บ้าน

ไหว้พระธาตุกลางน้ำ (ติดทะเล) ห่างจากตัวเมืองมะละแหม่ง 60 กม.

ศาลารูปเรือ



เจดีย์พระอุปคุด

ทางเดินไปไหว้พระ

ชายหาด  ทรายไม่สวย แต่หาดกว้างมาก และยังจัดภูมิทัศน์ได้ไม่ดี แต่ก็มีคนมามาก คงเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์



วัยรุ่นชาวพม่า หลายคนพูดไทยได้ เพราะกลับจากทำงานที่เมืองไทย

18 เม.ย. 58
        ออกจากโรงแรม Mawlamyine Strand Hotel มุ่งหน้าด่านแม่สอด ระยะทางประมาณ 250 กม. ระหว่างทางแวะชมถ้ำ Kawgoon เป็นถ้ำที่ประดิษฐานพระพุทธรูป เป็นที่นับถือของชาวบ้าน และมีงานนมัสการทำบุญช่วงสงกรานต์พอดี
         คณะเรามาถึงด่านชายแดน เกือบสี่โมงเย็น ออกจากด่านแล้ว ลากันที่ด่าน แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาตัวเอง ส่วนรถ 04 แวะพักค้างคืนที่รีสอร์ทแถว จ.กำแพงเพชร อีกหนึ่งคืน จึงกลับบ้านเพชรรบุรี ครับ
         
วันสุดท้ายก่อนกลับเข้าไทย แวะเที่ยวถ้ำ ไหว้พระ


ตักบาตรข้าวสาร

มีพระพุทธรูป และบนผนังถ้ำ








ชาวบ้านมาทำบุญกัน

หนุ่มน้อยพม่า



ชาวพม่าชอบเคี้ยวหมาก

ร้านขายหมาก ฯลฯ

แม่ค้าขนม

ช่วงสุดท้าย เดินทางกลับเส้นทางที่มาวันแรก

ผ่านภูเขาสุง ทางแคบ เหวลึก



บางช่วงกำลังซ่อม



ก่อนออกจากด่านที่เมียวดี ตัวแทนสมาชิกคาราวาน มอบสินน้ำใจ และของที่ระบลึกให้กับคณะไกด์พม่า และแสดงความขอบคุณที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้คณะคาราวาน
 
 พบกันใหม่ทริปหน้าครับ