4/02/2555

17. ประสบการณ์ ขับรถเที่ยวในประเทศอังกฤษ (สรุป)


          สำหรับผู้ที่มีความฝัน และอยากจะทำความฝันให้เป็นความจริง นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงบอกกับตัวเองว่า อยากทำหรือไม่ ถ้ามีความตั้งใจแล้วทุกอย่างสบายมาก เพียงแต่หาเวลาว่าง ตัดสินใจให้แน่วแน่ ก็ไปได้ งบประมาณที่ใช้ก็ไม่มากค่าตั๋ว โปรโมชั่น (จองนาน ๆ) ประมาณ 27,000 บาท (Etihad Airway) ค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปช่วงระยะเวลา 15 วัน ประมาณ ห้าหมื่นบาท เป็นค่าที่พัก ค่ากิน ค่าเช่ารถ ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ค่าซื้อของบ้างเล็กน้อย รวมแล้วไม่เกิน เจ็ดหมื่นห้า (ต่อคน) แต่ถ้าต้องการ Shoping ก็พิจารณาเพิ่มกันเอาเอง
          ที่พัก ควรจองจากเมืองไทยไปเลยจะสะดวก เพราะถ้าไปเดินย่ำหาเอาเองคงจะลำบาก เพราะส่วนใหญ่ที่คณะเราจองไปเป็นประเภท YHA ที่มีให้จองใน Internet ตามเมืองต่าง ๆ มากมาย ราคาเฉลี่ยก็ตกประมาณ เฉลี่ย 1,000-1,200 บาท /คน/คืน ยิ่งถ้าเป็น Guest house ที่เป็นบ้านฝรั่งให้เช่าแล้ว ที่ไปพักที่ Bath นั้นดีมาก มีห้องนอน ห้องน้ำ พร้อมอาหารเช้าค่อนข้างหรู ในราคาเดียวกัน แต่หายากหน่อย กว่าจะหาเจอ วนเสียหลายรอบ
          อาหารการกิน ก็มีร้านสะดวกซื้อ เช่น สลัดผัก แซนด์วิช ขนมปัง อะไรพวกนี้ หรือเตรียมอาหารกระป๋องไปจากเมืองไทยบ้างบางส่วน หรือจะเข้าพวก KFC , Macdonald ก็ตามสะดวก แต่ละมื้อก็แพงหน่อย คิดเป็นเงินไทยประมาณ 300-400 บาท/คน/มื้อ (นาน ๆ ที คงพอได้) มีบางมื้อยังเข้าภัตตาคาร ถึงจะแพงแต่อร่อยครับ เช่น เป็ด Four Season แถวตลาดโซโห
          แผนการเดินทางให้วางแผนล่วงหน้าว่ามีเวลาไปกันกี่วัน และแต่ละวันจะเที่ยวที่ไหนบ้าง พักที่เมืองไหนบ้าง ต้อง Set คร่าว ๆ ไว้ โดยดูเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ในหนังสือ หรือ อินเตอร์เน็ต ที่มีคนที่เคยไปเข้าเขียน หรือ โพส ไว้
          การเช่ารถ คณะเรา ไปเช่าที่สนามบิน คือพอลงที่ สนามบิน Heathrow Terminal 4 จะมีเคาเตอร์ให้เช่ารถของ บริษัทต่าง ๆ อยู่ที่สนามบิน เราก็ไปคุยเพื่อตกลงเรื่องเช่ารถ ให้เรียบร้อย ของเราเช่าของ บริษัท Enterprise เป็นรถ Ford Galaxy เครื่องยนต์ดีเซล เกียร์ auto  เป็นรถรุ่นใหม่ พึ่งใช้ได้ 6 เดือน รถ 7 ที่นั่ง 3 แถว แต่คณะเราใช้เพียง 2 แถว คือ แถวหน้า 2 คน แถวกลาง 4 คน (สบาย ๆ) แถวหลัง เก็บกระเป๋าใบใหญ่ 6 ใบ เป้ และกระเป๋าเล็ก อีกคนละใบ รวมทั้งสิ่งของสัมภาระต่าง ๆ เช่น ของกิน น้ำ เป็นต้น ที่แนะนำให้เช่าที่สนามบินเพราะสนามบินอยู่ชานเมือง การขับรถในตัวเมืองเป็นเรื่องปวดหัวพอสมควรเพราะในอังกฤษเอง ถึงจะพวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเราก็ตาม แต่ถนนที่อังกฤษ มีแยกมากมาย และรถเยอะมาก ถ้ามัวแต่อ่านป้ายอยู่ (ภาษาอังกฤษ) จะโดนบีบแตรไล่หลัง ทำให้เกร็งมาก ดังนั้นควรวางแผนเที่ยวใน ลอนดอนก่อนซักสองสามวัน แล้วค่อยนั่งรถไฟใต้ดิน (Tube ) มารับรถเช่าที่สนามบินแล้วขับออกต่างเมืองไปเลย
          การเดินทางท่องเทียวภายในเมืองหลวง ลอนดอน นั้นสบายมาก ซื้อเป็นบัตร Oyster พวกเราซื้อที่สถานีรถไฟใต้ดินที่สนามบิน ทันทีที่ไปถึง เป็นบัตรแถบแม่เหล็ก สามารถเติมเงิน ได้อีกในภายหลัง ซื้อครั้งแรกคนละ 25 ปอนด์ เป็นค่าบัตรเสีย 5 ปอนด์ ที่เหลือเป็นค่ารถ ใช้ได้ทั้งรถไฟ รถเมล์ ทั่ว ลอนดอน ครับ เมื่อเงินใกล้หมดก็เติมใหม่ได้ เราต้องทำการบ้านล่วงหน้าว่าจะไปเที่ยวที่ใดบ้าง (คณะเราแบ่งหน้าที่กันหาข้อมูลล่วงหน้าไว้) และแต่ละที่ต้องไปลงที่สถานีอะไร คณะเราก็เดินทางท่องเที่ยวไปตามแผนที่วางไว้ เช่น มหาวิหารที่ Westminter, London eye, Noting hill ตลาด Soho, ห้าง Harrods ,ล่องเรือแม่น้ำเทม ,พระราชวัง บั๊กกิ้งแฮม, สวนโบตานิก ฯลฯ ตามที่มีคน โพสข้อความไว้ หรือในหนังสือที่มีคนเคยเขียนไว้ รับรองไม่หลง ทั้งหมดใช้บริการรถไฟใต้ดิน (Underground หรือ Tube) จะสะดวกที่สุด ถึงแม้รถไฟใต้ดินจะมีบริการหลายสาย หลายสี หลายชั้น ก็ตาม แต่ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ขึ้นสายโน่น ลงต่อสายนี้ สนุกดี
          การขับรถออกไปเที่ยวรอบเกาะอังกฤษครั้งนี้ คณะเราใช้เวลาในลอนดอน 3 วัน ออกไปต่างเมือง ถึง สกีอตแลนด์ รวมทั้งสิ้น 9 วัน และกลับมาเที่ยวเก็บตกที่ ลอนดอนอีก 4 วัน ระยะทางรวมทั้งสิ้น 1,575 ไมล์ หมดค่าน้ำมัน ไปทั้งหมดคิดเป็นเงินไทย ประมาณฯ 8,900 บาท สิ่งที่ไม่อยากให้ขาดคือ GPS หรือเครื่องนำทาง เพราะลำพังแผนที่นั้น อ่านกันลำบากเพราะตัวหนังสือเล็ก ยิ่งเป็นถนนในเมืองเล็ก ๆ แล้ว หาแผนที่ไม่ได้ เลย ไม่เหมือนที่นิวซีแลนด์ จะมีแผนที่แจกฟรีตลอดทาง ในอังกฤษต้องซื้ออย่างเดียว ดังนั้น เจ้า GPS นี้ต้องยอมเสียสตางค์เช่าไปเถอะครับ คณะเราเช่าไปพร้อมกับรถ เป็นของ Garmin ใช้ง่าย บางครั้งพวกเราขับหลง เพราะยังไม่คุ้นกับเครื่อง GPS และถนนในอังกฤษ ก็ไม่ต้องตกใจ เครื่องจะพาหรือหาเส้นทางใหม่ให้เราไปจนได้ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นที่น่าสังเกตคือ วงเวียนที่อังกฤษจะเยอะมาก แต่เป็นลักษณะลายเส้นวงกลมตรงพื้นถนนเท่านั้น ต้องคอยสังเกตให้ดี และแต่ละวงเวียนมีแยก หลายแยก เครื่อง GPS จะบอกเราเองว่า ให้ออกแยกใหน 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ 4 บางวงเวียนที่ใหญ่ ๆ มีเป็นสิบ แยก ต้องคอยนับกันให้ดี การเข้าวงเวียน ให้ระวังและมองรถทางขวา ต้องให้รถทางขวาไปก่อนเสมอ และอีกอย่างหนึ่งที่ควรจำไว้คือ บ้ายชื่อถนน จะติดไว้ตาม มุมอาคาร หรือ ตึก จะไม่ค่อยมีเสาตั้งแล้วติดชื่อถนน ต้องคอยมองให้ดี
          การขับรถในอังกฤษ สบายใจได้อย่างหนึ่งคือเรื่องของความเร็ว ถนนในเมืองหรือชุมชน โรงเรียน ให้วิ่งได้แค่ 20-30 ไมล์ ต่อชั่วโมงเท่านั้น ถ้าออกนอกเมืองบนถนนสายรอง ก็ 50-60 ไมล์/ชม ถ้าเป็นถนน High Way จะได้ไม่เกิน 70 ไมล์/ชม. จะมีกล้องคอยถ่ายรูป ตลอดทุกเส้นทาง ถ้าทำผิดกฎ หรือขับเร็วเกินกำหนด จะโดนใบสั่งไปถึงบ้านเลย จะไม่มีตำรวจคอยจับอยู่ข้างทางเหมือนบ้านเรา รถของเราเลยไม่กล้าขับเร็ว เห็นป้ายที่ไหนต้องคอยเตือนกันว่า ความเร็วเกินแล้ว ให้อยู่ในกำหนด ดังนั้นขับรถในอังกฤษจึงไม่เห็นอุบัติเหตุ เห็นอยู่ครั้งเดียวบน high way แต่ก็ไม่หนักหนา ไม่เหมือนบ้านเรา เห็นกันจนชินตา เนอะ
          หวังนะครับว่า ผู้อ่านท่านใดที่สนใจจะไปเที่ยวในแบบที่เล่าไปนั้น ก็อย่าได้ลังเล ตัดสินใจ ไปเลยครับ เพราะชีวิตเป็นเรื่องสนุก เกิดมาแล้วควรหาโอกาส สักครั้ง ไปในที่ที่อยากไป ตามเคยนะครับสุดท้ายก็มีรูปภาพแทนเรื่องเล่ามาฝากกัน ดูถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนถึง บทความที่เก่ากว่า ก็ Click ต่อไปที่นั่นได้เลย หรือจะ Click จากสารบันด้านขวามือ ก็ได้ ขอให้โชคดีทุกคนนะครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ18 กรกฎาคม 2557 เวลา 21:04

    ผมสามมารถติดต่อโทรไปสอบถามคุณได้ไหมครับ ผมดีที่คุณไปมาผมกำลังจะทำตามแทบทุกอย่างเลย เลยอย่าโทรไปสอบถามข้อสงสัยแล้วอยากได้ข้อมูลละเอียดมากกกว่านี้อะครับ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ